บาคาร่า (Baccarat) ถ้าเป็นในภาษาฝรั่งเศสจะออกเสียงว่า บาการา เป็นเกมไพ่สุดฮิตในคาสิโน ถ้าในรูปแบบออนไลน์จะมีผู้เล่นอยู่สองฝ่ายนั่นก็คือ ผู้เล่น (PLAYER) และ เจ้ามือ (BANKER) หลังจากจบเกมจะมีผลแพ้ชนะออกอยู่ 5 รูปแบบคือ ผู้เล่นชนะ, เจ้ามือชนะ, เสมอ, ผู้เล่นแพ้ และ เจ้ามือแพ้ นอกจากนี้ยังมีการแบ่งรูปแบบออกไปอีกหลายอย่างแต่ที่นิยมจะมีอยู่ด้วยกัน 3 รูปแบบได้แก่ บาคาร่าแบบอเมริกา, บาคาร่าเชอแม็งเดอแฟร์ และ บาคาร่าบ็องก์ สำหรับวิธีการเล่นจะมีอยู่ด้วยกัน 2 รูปแบบ คือเดินทางไปเล่นยังคาสิโน และการเล่นผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งในบทความนี้เราจะมาแนะนำคุณสำหรับวิธีการเล่นผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งจะมีรูปแบบในการวางเดิมพันดังนี้

1. กำหนดจำนวนเครดิตที่จะใช้วางเดิมพัน ซึ่งจะมีสัญลักษณ์รูปชิปปรากฏอยู่บนหน้าจอ ผู้เล่นสามารถกำหนดจำนวนเครหิตที่ต้องการเดิมพันได้ตามความต้องการ
2. เลือกรูปแบบการเล่น เมื่อคุณคลิกที่สัญลักษณ์ชิปแล้ว จากนั้นให้เลือกคลิกช่องที่ต้องการวางเดิมพัน ยกตัวอย่างเช่น หากคุณคิดจะวางเดิมพันฝั่งเจ้ามือ ก็ให้คลิกที่ชิปตามจำนวนที่จะวางเดิมพัน ตามด้วยคลิกที่ช่องที่ต้องการวางเดิมพัน
3. หลังจากวางชิปบนช่องวางเดิมพันเรียบร้อยแล้ว ให้ทำการคลิกยืนยัน เพื่อเป็นการคอมนเฟิร์มในการเล่น
4. จากนั้นดีลเลอร์จะทำการเปิดไพ่ โดยทั่วไปแล้วในห้องเดิมพันออนไลน์ หรืออาจเรียกว่าการเดิมพันแบบปกติจะใช้เวลาประมาณ 30 วินาที เราก็จะทราบผลว่าเป็นฝ่ายแพ้หรือชนะ

อัตราในการจ่าย
สำหรับอัตราในการจ่ายแต่ละเว็บไซต์อาจแตกต่างกันบ้างเล็กน้อย แต่ส่วนใหญ่จะมีลักษณะดังนี้
– วางเดิมพันฝั่งเจ้ามือ (Banker) หากชนะ อัตราในการจ่ายจะอยู่ที่ 1 ต่อ 0.95 และจะถูกหักค่าต๋ง 5%
– วางเดิมพันฝั่งผู้เล่น (Player) หากนะ อัตราในการจ่ายจะอยู่ที่ 1 ต่อ 1 แต่จะไม่มีการหักค่าอะไรเพิ่มเติม
– วางเดิมพันเสมอ (Tie) คือการทายว่าไพ่ในมือของผู้เล่นและเมือจะมีแต้มเท่ากัน อัตราในการจ่ายจะอยู่ที่ 1 ต่อ
– วางเดิมพันเจ้ามือคู่ (Banker Pair) คือการทายว่าไพ่ 2 ใบแรกของเจ้ามือเหมือนกัน อัตราในการจ่ายจะอยู่ที่ 1 ต่อ 11
– วางเดิมพันผู้เล่นคู่ (Player Pair) คือการทายว่าไพ่ 2 ใบแรกของผู้เล่นเหมือนกัน อัตราในการจ่ายจะอยู่ที่ 1 ต่อ 11
ดังนั้นหากอยากได้กำไรเพิ่มมากขึ้นจากเกมบาคาร่า แนะนำให้หลีกเลี่ยงการวางเดิมพันฝั่งเจ้ามือ เพราะคุณจะได้ไม่ต้องถูกหักเปอร์เซ็นต์ หากเป็นฝ่ายชนะ