บาราค่า (Baccarat) มีรูปแบบการเล่นโดยการใช้ไพ่เป็นอุปกรณ์หลัก และมีวิธีในการเล่นใกล้เคียงกับไพ่ป๊อกเด้ง ส่วนชื่อบาคาร่าเป็นภาษาอิตาลี แปลว่าศูนย์ โดยศูนย์จะเป็นแต้มที่มีค่ามากที่สุดในเกมบาคาร่า โดยการเล่นนักพนันต้องทำการทายว่าระหว่างฝั่ง ฝั่งผู้เล่น (PLAYER) หรือฝั่งน้ำเงิน กับ ฝั่งเจ้ามือ (BANKER) หรือฝั่งแดง ใครจะเป็นฝ่ายชนะ ซึ่งหากฝ่ายไหนมีแต้มไพ่ในมือรวมกันเท่ากับหรือใกล้เคียง 8 หรือ 9 มากที่สุดก็จะเป็นฝ่ายชนะ เป็นวิธีการวางเดิมพันแบบออนไลน์ แต่ถ้าคุณไปเล่นยังคาสิโนหรือในบ่อนๆ ต่าง ผู้ถือไพ่ในมือจะเป็นผู้เล่นที่อยู่รอบโต๊ะรวมไปถึงตัวคุณเองด้วย สำหรับอัตราการจ่ายเงินรางวัล จะมีลักษณะดังนี้
– วางเดิมพันผู้เล่น (Player) หากชนะจะได้รับรางวัล 1 : 1 เช่น วางเงินเดิมพัน 100 จะได้รับเงินรางวัลเพิ่ม 100 บาท
– วางเดิมพันเจ้ามือ (Banker) หากชนะจะได้รับรางวัล 1 : 0.95 เช่น วางเงินเดิมพัน 100 จะได้รับเงินรางวัลเพิ่ม 95 บาทเพราะจะถูกหักค่าต๋ง 5%
– วางเดิมพันเสมอ (Tie) หากชนะจะได้รับรางวัล 1 : 8 แต่ถ้านักพนันวางเดิมพันผู้เล่นหรือเจ้ามือจะได้รับเงินเดิมพันคืน
– วางเดิมพันผู้เล่นได้ไพ่คู่ (Player Pair) หากชนะจะได้รับรางวัล 1 : 11 โดยฝั่งผู้เล่นจะมีแต้มไพ่ในมือ 2 ใบ เหมือนกัน เช่น 2 – 2 , K – K
– วางเดิมพันเจ้ามือได้ไพ่คู่ (Banker Pair) หากชนะจะได้รับรางวัล 1 : 11 โดยฝั่งเจ้ามือจะมีแต้มไพ่ในมือ 2 ใบ เหมือนกัน เช่น 2 – 2 , K – K
– วางเดิมพันดับเบิ้ลเดี่ยว (Any Pair) หากชนะจะได้รับรางวัล 1 : 5 รูปแบบคือ หากมีไพ่ 2 ใบ มีแต้มเท่ากัน โดยจะออกที่ฝั่งใดก็ได้ทั้งเจ้ามือและผู้เล่น
– วางเดิมพันดับเบิ้ลคู่ (Perfect Pair) หากชนะจะได้รับรางวัล 1 : 25 รูปแบบคือ ไม่ว่าฝั่งเจ้ามือหรือฝั่งผู้เล่น มีไพ่ 2 ใบแต้มเท่ากัน คุณก็จะชนะ
– วางเดิมพันใหญ่ (Big) หากชนะจะได้รับรางวัล 1 : 0.5 รูปแบบคือ เป็นการทายว่าในเกมนั้น ไม่ฝั่งเจ้าหรือฝั่งผู้เล่นจะมีการจั่วไพ่ใบที่ 3
– วางเดิมพันเล็ก (Small) หากชนะจะได้รับรางวัล 1 : 1.5 รูปแบบคือ เป็นการทายว่าในเกมนั้น จะไม่มีฝั่งใดจั่วไพ่เพิ่ม
ทั้งหมดเป็นรูปแบบการวางเดิมพันในเกมบาคาร่า และอัตราการจ่ายหากคุณเป็นฝ่ายชนะ หากคุณเป็นมือใหม่ในการเล่นเกมนี้ เพียงทราบรูปแบบต่างๆ ข้างต้น ก็ช่วยให้คุณสามารถเล่นเกมได้อย่างง่ายดาย